วัตถุประสงค์ของนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้มีเพื่อคุ้มครองสิทธิและผลประโยชน์ของบุคคล พร้อมกับสร้างความเชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างเหมาะสมโดยการกำหนดประเด็นพื้นฐานเกี่ยวกับการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งครอบครองโดยศูนย์ส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งมหานครโตเกียว สำนักงานประเทศไทย (Tokyo Metropolitan Small and Medium Enterprise Support Center) (ต่อไปนี้จะเรียกว่า “เรา”, “ของเรา”) เกี่ยวกับการพัฒนาขั้นสูงของข้อมูลสารสนเทศและการสื่อสารในสังคม
ในนโนบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ ให้คำดังต่อไปนี้มีความหมายตามที่กำหนดไว้ด้านล่าง:
เพื่อที่จะบรรลุวัตถุประสงค์ของนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ เราจะดำเนินมาตรการที่จำเป็นเพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และจะปฏิบัติหน้าที่อย่างดีที่สุดเพื่อให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลส่วนบุคคลจะไม่ถูกเปิดเผยต่อสาธารณะโดยไม่จำเป็น
เราอาจเก็บรวบรวม ชื่อ เบอร์โทรศัพท์ อีเมล รหัสไปรษณีย์ ชื่อบริษัท ตำแหน่งงาน การส่งข้อความ instant messenger IDs และข้อมูลส่วนบุคคลอื่น ไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อม จากแหล่งดังต่อไปนี้:
เราจะเก็บรวบรวม และใช้ข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์ในการใช้ ดังต่อไปนี้
หากท่านไม่สามารถให้ข้อมูลบางอย่างที่จำเป็นต่อวัตถุประสงค์ในการใช้ซึ่งกำหนดไว้ข้างต้น ท่านอาจไม่สามารถใช้บริการของเราทั้งหมดหรือบางส่วนได้
โดยไม่คำนึงถึงข้ออื่น ๆ ข้างต้น เรามีระเบียบปฏิบัติที่จะไม่เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อ ลัทธิ อุดมการณ์ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ พฤติกรรมทางเพศ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลส่วนบุคคลอื่นใดที่อาจก่อให้เกิดการเลือกปฏิบัติทางสังคม (ต่อไปนี้จะเรียกว่า “ข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว”) ในกรณีที่กฎหมายและข้อบังคับกำหนดไว้ หรือในกรณีที่ข้อมูลอ่อนไหวมีความจำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการใช้ข้อมูลในทางธุรกิจ เราจะขอความยินยอมจากท่านก่อนที่จะมีการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวดังกล่าว
เราจะครอบครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ตราบเท่าที่จำเป็น และเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ และเราจะดำเนินการลบข้อมูลส่วนบุคคลในครอบครองของท่านโดยทันทีเมื่อเราไม่มีความจำเป็นที่จะครอบครอง หรือจะทำลายเอกสาร ฯลฯ ที่เก็บไว้ โดยทั่วไปเราจะครอบครองข้อมูลส่วนบุคคลในครอบครองไว้ไม่เกิน 10 ปี เว้นแต่จะมีกฎหมายและข้อบังคับกำหนดไว้เป็นการเฉพาะ
หากเราประสงค์ที่จะใช้ผู้ให้บริการภายนอกในการจัดการข้อมูลส่วนบุคคล เราจะจัดให้มีมาตรการที่จำเป็นเพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว เช่น การจัดให้มีการกำกับดูแลที่เหมาะสม
เราจะไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลในครอบครองโดยที่ไม่มีฐานการประมวลผลตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม เราอาจเปิดเผยหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในครอบครองไปยังบุคคลดังต่อไปนี้ ภายใต้วัตถุประสงค์การใช้ที่กำหนดในข้อ 5
หากมีความจำเป็นในการเปิดเผยหรือโอนข้อมูลในครอบครองของเราไปยังบุคคลที่สาม เราจะใช้มาตรการที่จำเป็นเพื่อป้องกันการรั่วไหล การสูญหาย หรือความเสียหายของข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงดำเนินการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเหมาะสม
ท่านมีสิทธิดังต่อไปนี้เกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน (ต่อไปนี้จะเรียกว่า “สิทธิของท่าน”)
คำถามใด ๆ ของท่าน เกี่ยวกับการจัดการข้อมูลส่วนบุคคล หรือการใช้สิทธิของท่านในการดังกล่าว สามารถทำได้ผ่านช่องทางการติดต่อดังต่อไปนี้
เราอาจทบทวนสถานะการดำเนินงานในการจัดการกับข้อมูลส่วนบุคคลเป็นครั้งคราว และอาจปรับปรุงแก้ไขนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ตามความจำเป็น